ณรจญา ตัญจพัฒน์กุล เรื่อง
กฤตพร โทจันทร์ ภาพ
0. แบบไหนจึงจะเรียกว่าครอบครัว?
‘พ่อ แม่ ลูก’ นี่คือภาพจำทั่วไปที่ผุดขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อเรานึกถึงภาพ ‘ครอบครัว’ หรือภาพนี้อาจจะเป็นภาพแรกๆ ที่บางคนเห็นตั้งแต่จำความได้ แต่ภาพจำนี้ ตรงกับ ‘ความเป็นจริงที่หลากหลาย’ ของครอบครัวไทยในปัจจุบันแค่ไหนกันแน่?
ถ้าลูกอยู่กับพ่อหรือแม่แค่คนใดคนหนึ่ง…
ถ้าไม่มีลูก…
ถ้าลูกมีพ่อสองคน หรือแม่สองคน…
ถ้าลูกต้องอยู่กับย่า เพราะพ่อแม่ต้องไปทำงานหาเงิน…
ถ้าบ้านใหญ่ของเราวันนี้ต้องอยู่บนโลกดิจิทัล…
ครอบครัวจะยังเป็นครอบครัวหรือไม่?
ข้อมูลเชิงสถิติดังต่อไปนี้ จะเผยภาพที่แท้จริงครอบครัวไทยในยุคไร้นิยาม ยุคที่ความสมบูรณ์แบบของครอบครัวไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ ‘พ่อ แม่ ลูก’ เท่านั้น
1.
ตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปี 2560 จำนวนสมาชิกในครอบครัวไทยมีแนวโน้มลดลง สะท้อนว่าครอบครัวไทยมีขนาดเล็ก โดยจำนวนครอบครัวคนเดียวและครอบครัว 2 คน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกันจำนวนครอบครัวที่มี 3 คนขึ้นไปกลับมีแนวโน้มลดลง
– ครอบครัวคนเดียวเพิ่มขึ้นจาก 8.8% เป็น 20.5% ของครัวเรือนไทยทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้น 2.3 เท่าตัว
– ครอบครัว 2 คนเพิ่มขึ้นจาก 15.9% เป็น 27.3% ของครัวเรือนไทยทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้น 1.7 เท่าตัว
– ครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกจำนวน 3 คนขึ้นไป ลดลงจาก 75.3% เหลือ 52.2% ของครัวเรือนไทยทั้งหมด หรือลดลง 23%
หมายเหตุ : ตัวเลขในงานชิ้นนี้มีการปรับจากต้นฉบับ โดยปรับข้อมูลจำนวนครอบครัวขนาดใหญ่ในปี 2560 จาก 52.3% ให้เป็น 52.2% เพื่อให้สัดส่วนรวมกันได้ 100%
ที่มา: งานวิจัย “การอยู่อาศัยร่วมกันของสมาชิกในครัวเรือนไทย พ.ศ. 2539 – 2560 : การจำแนกรูปแบบด้วยกลุ่มวัย” โดยดร. ปัทมา ว่าพัฒนวงศ์
2.
ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ครอบครัวไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 12.3 เป็น 20.3 ล้านครัวเรือน โดยระหว่างปี 2530-2556 ครอบครัวเดี่ยว (หมายรวมถึง ครอบครัวพ่อแม่ลูก, ครอบครัวสามีภรรยาที่ไม่มีลูก, ครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว) ยังคงเป็นประเภทครอบครัวหลักที่มีจำนวนมากที่สุด แต่มีสัดส่วนที่น้อยลง ในขณะเดียวกันสัดส่วนครอบครัวขยาย (หมายรวมถึง ครอบครัวสามรุ่นและครอบครัวแหว่งกลาง) และครอบครัวอยู่คนเดียวนั้นเพิ่มขึ้น โดย
– ครอบครัวเดี่ยวลดลงจาก 66.7% เหลือ 49.9% ของจำนวนครัวเรือนไทยทั้งหมด
– ครอบครัวขยายเพิ่มขึ้นจาก 26.5% เป็น 35.7% ของจำนวนครัวเรือนไทยทั้งหมด
– ครอบครัวอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้นจาก 6.1% เป็น 13.9% ของจำนวนครัวเรือนไทยทั้งหมด หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ซึ่ง 75.4% ของครอบครัวคนเดียวเป็นประชากรวัยแรงงาน (15-59 ปี)
ที่มา: “รายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2558 โฉมหน้าครอบครัวไทย ยุคเกิดน้อย อายุยืน” โดย กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
3.
จากปี 2530-2556 ครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากจาก 970,000 ครัวเรือน เป็น 1.37 ล้านครัวเรือน หรือเพิ่มขึ้นถึง 41% และในจำนวนนี้ ประมาณ 80% ของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวนั้นเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว
ที่มา: “รายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2558 โฉมหน้าครอบครัวไทย ยุคเกิดน้อย อายุยืน” โดย กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
4.
จากการสุ่มตัวอย่างครอบครัวเด็กไทยเจนซี-อัลฟ่า จำนวน 1,340 ครอบครัว พบว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของครอบครัวที่มีเด็กเจเนอเรชั่นซี-อัลฟ่า (generation Z-Alpha) ซึ่งมีอายุระหว่าง 3-14 ปี มีแนวโน้มที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก โดย 10.6% จาก 1,340 ตัวอย่างครอบครัวเด็กเจนซี-อัลฟ่าอาศัยอยู่ในครอบครัวแหว่งกลาง และ 24.3% จาก 1,340 ตัวอย่างครอบครัวเด็กเจนซี-อัลฟ่าอาศัยอยู่ในครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว
ที่มา: งานวิจัย “เปิดบ้านเด็กซี-แอลฟา การอบรมเลี้ยงดู พัฒนาการ พฤติกรรม บรรยากาศในครอบครัว” โดย จงจิตต์ ฤทธิรงค์, สุภรต์ จรัสสิทธิ์ และพิมลพรรณ นิตย์นรา
5.
ตั้งแต่ปี 2530-2556 ครอบครัวคู่สามีภรรยาที่ไม่มีลูกมีจำนวนเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยเพิ่มขึ้นจาก 5.6% เป็น 16.2% ของครัวเรือนไทยทั้งหมด
ที่มา: “รายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2558 โฉมหน้าครอบครัวไทย ยุคเกิดน้อย อายุยืน” โดย กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
6.
จากปี 2530-2556 ครอบครัวแหว่งกลาง หรือครอบครัวที่มีรุ่นปู่ย่าตายายอาศัยอยู่กับรุ่นหลานมีแนวโน้มจำนวนขึ้นเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มจาก 1% เป็น 2.1% ของจำนวนครัวเรือนไทยทั้งหมดหรือ 1 เท่าตัว โดย 90% ของครอบครัวแหว่งกลางมีหัวหน้าครอบครัวเป็นผู้หญิงและ 76% ของครอบครัวแหว่งกลางอาศัยอยู่ในชนบท
ที่มา: “รายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2558 โฉมหน้าครอบครัวไทย ยุคเกิดน้อย อายุยืน” โดย กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
7.
ในปี 2560 ผู้สูงอายุ 41.5% จากประชากรผู้สูงอายุทั้งหมด 11.3 ล้านคน อาศัยอยู่ในครอบครัวเปราะบาง ซึ่งผู้สูงอายุต้องพึ่งพาตนเองหรือดูแลคนอื่นในครอบครัว โดยในจำนวนนี้ 50.2% เป็นครอบครัวที่ผู้สูงอายุอาศัยอยู่กับคู่สมรสตามลำพัง และ 26.1% เป็นครอบครัวที่ผู้สูงอายุอยู่ตามลำพังคนเดียว
ที่มา: หนังสือ “ผู้สูงอายุอยู่โดดเดี่ยว (แต่) ไม่เดียวดาย” โดย ศุทธิดา ชวนวัน
8.
จากการสำรวจปี 2554 พบว่ามี ‘ครอบครัว LGBT’ เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลจากทัศนคติเรื่องเพศในสังคมไทยที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยพบว่ามีครอบครัวชาย-ชายมีจำนวน 0.4% ของครัวเรือนไทย และครอบครัวหญิง-หญิงจำนวน 0.3% ของครัวเรือนไทย
อย่างไรก็ตาม การเก็บข้อมูลและศึกษาครอบครัวของคนเพศเดียวกันยังมีอยู่จำกัดมากและยังต้องรอให้มีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
ที่มา: “ประชากรและสังคม 2562: ครอบครัวไทย…สะท้อนอะไรในสังคม” โดย จงจิตต์ ฤทธิรงค์, ศุทธิดา ชวนวัน, สิรินทร์ยา พูลเกิด และสรัญญา สุจริตพงศ์
9.
ในยุคปัจจุบัน โลกดิจิทัลกลายเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่รักษาความสัมพันธ์ในครอบครัวทุกรุ่น ทั้งรุ่นปู่ย่าตายาย พ่อแม่ และลูกหลาน
แต่ละรุ่นจะมีพฤติกรรมในการใช้สื่อแตกต่างกันออกไป แต่ในบริบทครอบครัว ไลน์และเฟซบุ๊กเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารหลัก แต่การใช้งานทั้งสองแอปพลิเคชันมีวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน โดยในครอบครัวมักจะใช้เฟซบุ๊กเพื่อติดตามความเคลื่อนไหว ไม่ใช้ติดต่อสื่อสาร แต่จะใช่ไลน์ในการพูดคุยมากกว่า
ที่มา: งานวิจัย “สายสัมพันธ์ครอบครัวไทยในสื่อสังคม” โดย ภูเบศร์ สมุทรจักร และ กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ