‘เกลี่ยครูมาทำธุรการ’ แก้ปัญหาภาระครูแบบปะผุ?

กลางดึกเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 ครูมัทตัดสินใจเขียนจดหมายทั้งหมด 5 หน้าก่อนจากโลกใบนี้ไปโดยไม่มีวันหวนกลับ สร้างความโศกเศร้าและสะเทือนใจต่อคนในครอบครัว บุคลากร หน่วยงานรัฐ และสังคมไทย ในจดหมายหน้าที่ 5 ครูมัทเลือกใช้โอกาสสุดท้ายเขียนถึง ‘ปัญหาในระบบการศึกษาไทย’ ผ่านประสบการณ์ในวิชาชีพของตน โดยเริ่มเล่าจากปัญหาภาระงานนอกเหนือการสอน เช่น การเงิน การบัญชีที่มากเกินไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ และปิดย่อหน้าสุดท้ายด้วยการเขียนกระทรวงศึกษาธิการว่า

ฝากกระทรวงให้ช่วยเห็นใจครูการเงินและพัสดุด้วยนะคะ อย่าให้ต้องทำงานหนักและเสี่ยงชีวิตแบบนี้เลย[1]Sanook. (2025, มิถุนายน 17). อาลัย “ครูมัท” ทิ้งจดหมายลาก่อนจบชีวิตในวัย 39 ปี … Continue reading 

กรณีดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันให้สังคมได้รับรู้อีกครั้งว่า แท้จริงแล้วครูในไทยไม่ได้มีหน้าที่แค่สอน ซ้ำร้ายภาระงานอื่นๆ ยังเบียดบังเวลาสอนจนเป็นปัญหาอยู่คู่กับระบบการศึกษาไทยมาอย่างช้านาน ทั้งงานธุรการ การเงิน หรือพัสดุ ฯลฯ ซึ่งกินเวลาการทำงานของครูถึงปีการศึกษาละ 84 วัน[2]คิดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 … Continue reading

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้มีแนวคิดใหม่ในการลดภาระครู ผ่านการเกลี่ยครูในโรงเรียนที่มีครูเกินเกณฑ์ความต้องการตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด เพื่อเปลี่ยนเป็นบุคลากรทางการศึกษาอื่นเพื่อมาทำงานธุรกรรมแทน (ต่อไปนี้จะเรียกว่า ‘นโยบายเกลี่ยครู’) โดยอ้างว่านโยบายดังกล่าวจะช่วยลดภาระงานครูและประหยัดงบประมาณไปพร้อมๆ กัน กระทรวงฯ จะได้ไม่ต้องจ้างหรือบรรจุข้าราชการใหม่ พร้อมมองว่าเป็นการบริหารทรัพยากรครูให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด[3]ศธ. 360 องศา. (2025, กรกฎาคม 14). “รมว.นฤมล” หารือ ก.ค.ศ.-สพฐ.เร่งลดภาระงานครู เผย … Continue reading

ปัญหาภาระงานที่เรื้อรังมานาน จะถูกสะสางด้วย ‘นโยบายเกลี่ยครู’ อย่างที่รัฐมนตรีฯ ตั้งใจจะ ‘คืนครูสู่ห้องเรียน’ ได้จริงหรือไม่? ประเด็นใดที่ต้องทบทวนบ้าง? ผู้เขียนขอชวนประเมินไปพร้อมๆ กันในบทความนี้

ภาระงานอื่นนอกจากการสอนทะลักมาหาครูโดยเฉพาะครูโรงเรียนขนาดเล็ก

อย่างที่สังคมวงกว้างรับรู้แล้วว่า โรงเรียนนั้นไม่มีแค่งานสอนหนังสือเท่านั้น แต่ยังมีงานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอนโดยตรงด้วย โดย พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 (1999)[4]พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 39. ได้กระจายอำนาจการจัดการให้ไปถึงโรงเรียนในด้านการบริหารและจัดการการศึกษา โดยแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วน[5]กฎกระทรวง เรื่อง: … Continue reading) คือ

  1. ด้านวิชาการ เช่น การพัฒนาสื่อการสอน หลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ หรือวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
  2. ด้านงบประมาณ เช่น การจัดทำแผนงบประมาณและคำขอตั้งงบประมาณ การติดตามและรายงานการใช้งบประมาณ การวางแผนพัสดุ
  3. ด้านการบริหารงานบุคคล เช่น การสรรหาข้าราชการครูหรือบุคลากรการศึกษาอื่น จัดระบบและทำทะเบียนประวัติ
  4. ด้านการบริหารงานทั่วไป เช่น การดำเนินงานธุรการ ดูแลอาคารและสถานที่ ประสานงานราชการกับส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น

การแบ่งหน้าที่เหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี เพราะแต่ละโรงเรียนมีอิสระในการจัดการเรียนการสอนของตัวเองตามบริบทภายในพื้นที่ ทว่าโรงเรียนแต่ละแห่งกลับมีความสามารถในการจัดการงานเหล่านี้ไม่เท่ากัน โรงเรียนขนาดใหญ่ตามพื้นที่เมืองที่มีทรัพยากรเยอะก็สามารถจ้างบุคลากรต่างๆ เพื่อทำงานเอกสารโดยเฉพาะได้ ส่วนครูที่ต้องทำงานธุรการด้วยก็สามารถแบ่งงานกันทำแต่ละส่วนได้อย่างชัดเจน ในทางตรงข้าม โรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่มีเงินจ้างบุคลากรเพื่อทำงานเหล่านี้ได้ไม่มากนักจนครูหนึ่งคนต้องทำงานหลายอย่าง เช่น การเงินควบงานพัสดุ ฯลฯ เมื่อโรงเรียนขนาดเล็กจะจ้างบุคลากรเพื่อแบ่งเบาภาระด้านธุรการ ก็มักจะเลือกผู้สมัครที่เรียนจบครูเพื่อให้ทำหน้าที่สอนหนังสือควบคู่ไปด้วย[6]สัมภาษณ์ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งโดยผู้เขียน

ยิ่งโรงเรียนเล็ก ยิ่งมีครูน้อย ยิ่งต้องรับภาระงานมหาศาล

เมื่อเทียบจำนวนครูที่สอนในโรงเรียนรัฐตามสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กับเกณฑ์ขั้นต่ำของ UNESCO จะพบว่าไทยมีครูเพียงพอ เพราะนักเรียน 100 คนในไทยจะมีครูดูแลเฉลี่ย 5.2 คน สูงกว่าเกณฑ์ UNESCO ที่กำหนดให้นักเรียน 100 คนต้องมีครูดูแลขั้นต่ำ 4 คน

แต่หากเปลี่ยนมาเทียบกับเกณฑ์ความต้องการครูที่กำหนดโดย ก.ค.ศ. ซึ่งกำหนดจากภาระงานสอน จะเห็นว่าไทยต้องการครูมาดูแลนักเรียน 100 คนมากถึง 6.0 คน และหากดูเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กจะเห็นว่าไทยต้องการครูมาดูแลนักเรียน 100 คนมากถึง 9.7 คน (ตารางที่ 1) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนักที่โรงเรียนขนาดเล็กกว่า 12,500 แห่งจาก 14,000 แห่ง (เกือบ 90%) จะขาดแคลนครู (ตารางที่ 2)

แม้เกณฑ์ความต้องการครูที่กำหนดโดย ก.ค.ศ. ยังคงต้องการครูจำนวนมาก แต่ก็อาจไม่เพียงพอต่อภาระงานสอนอยู่ดี จากผลสำรวจของเครือข่ายครูขอสอนปี 2019 พบว่า ครูในโรงเรียนขนาดเล็กกว่า 73%[7]https://www.facebook.com/photo/?fbid=141032640607782&set=pcb.141033453941034 จำเป็นต้องสอนมากกว่าเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. ตั้งไว้ว่าครู 1 คนควรสอนไม่เกิน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์[8]ดูเพิ่มเติมใน ศธ.0206.3/ว21 เรื่อง … Continue reading ส่วนครูโรงเรียนขนาดกลาง ใหญ่ และใหญ่พิเศษก็เผชิญกับภาระการสอนที่ท่วมท้นเช่นกัน คือ 60%, 55% และ 42% ตามลำดับ ดังนั้นปัญหาภาระงานครูจึงไม่ใช่แค่ปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็กเท่านั้น แต่เป็นปัญหาร่วมที่หลายโรงเรียนต้องเจอเช่นเดียวกัน

ขนาดโรงเรียนจำนวนนักเรียนปริมาณครู (คน) ต่อนักเรียน 100 คนความต้องการครู (คน) ต่อนักเรียน 100 คน
เล็ก1 – 40 คน7.013.0
1– 40 คน5.610.3
41– 80 คน5.98.6
81– 119 คน5.99.7
กลาง1 –119 คน5.66.0
ใหญ่120– 719 คน4.44.6
ใหญ่พิเศษ1,680 คนขึ้นไป4.64.6
รวม5.26.0
UNESCO4 ขึ้นไป

ตารางที่ 1: ปริมาณครูต่อนักเรียน 100 คน และความต้องการครูต่อนักเรียน 100 คน แบ่งตามขนาด
ที่มา: สพฐ. (ม.ป.ป.a) คำนวณโดยผู้เขียน

ขนาดโรงเรียนจำนวนนักเรียนจำนวนโรงเรียนจำนวนโรงเรียนที่ขาดครู (สัดส่วน)จำนวนโรงเรียนที่มีครูเกิน (สัดส่วน)
เล็ก1 – 40 คน2,4192,043 (84.5%)97 (4.0%)
41 – 80 คน6,9286,600 (95.3%)92 (1.3%)
81 – 119 คน4,6273,911 (84.5%)313 (6.8%)
1 – 119 คน13,97412,554 (89.8%)502 (3.6%)
กลาง120 – 719 คน13,0256,933 (53.2%)2,344 (18.0%)
ใหญ่720 – 1,679 คน977557 (57.0%)292 (29.9%)
ใหญ่พิเศษ1,680 คนขึ้นไป611324 (53.0%)232 (38.0%)
รวม28,58720,368 (71.2%)3,370 (11.8%)

ตารางที่ 2: จำนวนโรงเรียนที่สังกัด สพฐ. ปีการศึกษา 2022 แบ่งตามขนาดโรงเรียน
ที่มา: สพฐ. (ม.ป.ป.a) คำนวณโดยผู้เขียน
หมายเหตุ: ไม่นับโรงเรียนที่ไม่มีนักเรียนอีก 1,005 แห่ง

เมื่อเกณฑ์ความต้องการครูในภาพรวมนั้นน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับงานสอน จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เกณฑ์ความต้องการครูตามโรงเรียนขนาดเล็กก็น้อยเกินไปเหมือนกันโดยเฉพาะโรงเรียน 1–40 คน และ 41–80 คน ต้องการครู 1–4 คน และ 6 คน ซึ่งไม่ครบ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้[9]ดูเพิ่มเติมใน ศธ.0206.6/ว23 … Continue reading เมื่อรวมกับการที่ไทยมีโรงเรียนเล็กจำนวนมาก (เกือบ 50% ของโรงเรียนทั้งหมด) จนทำให้จำนวนครูที่ต้องสอนเฉลี่ยแต่ละโรงเรียนน้อย และจำเป็นต้องสอนหลายวิชาหรือหลายระดับชั้น จึงทำให้โรงเรียนขนาดเล็กมีปัญหาขาดแคลนครูรุนแรงกว่าโรงเรียนขนาดอื่นๆ

นอกจากนี้ ด้วยภาระงานนอกเหนือการสอนในหนึ่งโรงเรียนมีปริมาณที่ใกล้เคียงกันที่เป็นเหมือนต้นทุนคงที่ไปตามโรงเรียน แต่โรงเรียนขนาดเล็กแต่ละแห่งกลับมีจำนวนครูเฉลี่ยน้อยลง ส่งผลให้ครูหนึ่งคนต้องรับผิดชอบภาระงานดังกล่าวมากกว่าเมื่อเทียบกับโรงเรียนขนาดที่ใหญ่กว่า ซ้ำร้ายหลายงานมักมีกระบวนการละเอียดและซับซ้อน รวมถึงข้อจำกัดของการจัดทำทะเบียนรวบรวมเอกสารต่างๆ ของโรงเรียน (ทะเบียนคุม) ที่ต้องเขียนด้วยมือเท่านั้น[10]สัมภาษณ์ครูพัสดุที่ทำฝ่ายจัดซื้อโดยผู้เขียน ครูบางคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ หรือต้องแบกรับความผิดชอบเกินหน้าที่ของตนเองจึงเกิดความกดดันอย่างมาก เพราะหากทำพลาดก็เสี่ยงถูกโดนลงโทษอย่างร้ายแรง ดังกรณีของครูชัยยศที่ตรวจรับพัสดุอาหารกลางวันของนักเรียนไม่ตรงตามกำหนดจนต้องถูกปลดออกจากราชการ[11]มติชน Online. (2023, ธันวาคม 6). ‘ครูชัยยศ’ ถูกปลดต้องไปขายโรตี … Continue reading

‘นโยบายเกลี่ยครู’ ช่วยลดภาระครูเพียงเล็กน้อย ไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาจริง

นโยบายเกลี่ยครูคือการเกลี่ยครูจากโรงเรียนที่มีครูเกินอัตรากำลัง (ซึ่งเป็นเกณฑ์ความต้องการครูที่กำหนดโดย ก.ค.ศ.) ให้เปลี่ยนตำแหน่งเป็นบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่ได้ทำหน้าที่สอนโดยตรงเพื่อมาทำหน้าที่ด้านธุรการแทน[12]มติชน Online. (2025, กรกฎาคม 14). ‘นฤมล’ ถก ก.ค.ศ.-สพฐ. เร่งลดภาระงานครู เผย … Continue reading แม้ปัจจุบันนโยบายเกลี่ยครูจะยังไม่ชัดว่าจะทำในโรงเรียนกลุ่มใด? เป็นการเกลี่ยข้าราชการครูที่กำลังสอนอยู่ หรือจะเกลี่ยจากตำแหน่งว่างของครูที่กำลังจะเกษียณและเปลี่ยนจากครูเกินเกณฑ์มาเป็นฝ่ายธุรการแทน[13]ฐานเศรษฐกิจ. (2025, กรกฎาคม 16). ข่าวดี สพฐ. จ่อออกประกาศ ‘ลดภาระครู’ … Continue reading แต่เราก็สามารถประเมินผลกระทบของนโยบายได้เบื้องต้น 2 ส่วน คือ

  1. นโยบายเกลี่ยครูมีผลน้อยมาก เพราะมีโรงเรียนส่วนน้อยเท่านั้นที่มีครูเกินเกณฑ์ความต้องการ ทำให้ผลกระทบของนโยบายมีจำกัด อาจไม่ได้ช่วยลดภาระงานครูในภาพรวมได้มากนัก ในกรณีที่นโยบายเกลี่ยครูเป็นการเกลี่ยครูที่ยังสอนอยู่ก็อาจเผชิญกับแรงเสียดทานเป็นอย่างมากเพราะจะกระทบต่อเส้นทางอาชีพครู[14]กรณีที่ข้าราชการครูที่ถูกเกลี่ยเป็นครูผู้ช่วยหรือครู คศ.1 … Continue reading
  2. ความต้องการครูแต่ละโรงเรียนที่ถูกตั้งเกณฑ์โดย ก.ค.ศ. นั้นต่ำเกินจริง ไม่ได้สะท้อนกับภาระงานที่ครูต้องทำจริงๆ ในกรณีโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน 1–40 คน และ 41–80 คน แม้ว่าโรงเรียนกลุ่มนี้จะมีครูครบตามเกณฑ์ความต้องการ คือ 1–4 คน และ 6 คนตามลำดับแต่ก็ได้ไม่ครบ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้อยู่ดี[15]ดูเพิ่มเติมใน ศธ.0206.6/ว23 … Continue reading ส่วนเกณฑ์ความต้องการโรงเรียนขนาดกลางขึ้นไปก็มีปัญหาคล้ายกัน เนื่องจากเกณฑ์ความต้องการที่ถูกกำหนดนั้นขึ้นกับเฉพาะงานสอน ไม่ได้นับรวมงานอื่นๆ ด้วย เมื่อเกณฑ์ความต้องการครูแต่ละโรงเรียนไม่สะท้อนภาระงานจริง การเกลี่ยครูออกจากโรงเรียนที่มีครูเกินเกณฑ์ก็จะทำให้ภาระงานต่อครูหนึ่งคนเพิ่มขึ้นไปอีก

นโยบายเกลี่ยครูคือการจัดสรรทรัพยากรการศึกษาใหม่ที่ให้ผลเพียงเล็กน้อย แถมไม่สอดรับกับสภาพปัญหาทรัพยากรการศึกษาของไทยที่มีสภาวะเบี้ยหัวแตก กล่าวคือจำนวนโรงเรียนในไทยมีมากจนเกินไป ส่งผลให้ครูแต่ละโรงเรียนมีจำนวนน้อย แต่เอกสารที่แต่ละโรงเรียนต้องทำนั้นกลับมีเท่าเดิม ดังนั้นการแก้ลดภาระครูผ่านการจัดสรรทรัพยากรควรมุ่งเน้นไปที่การจัดการทรัพยากรการศึกษาให้กระจุกตัวมากขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ไทยต้องปรับการจัดสรร – วิธีใช้ทรัพยากรการศึกษาใหม่เพื่อบรรเทาภาระงานครู

หนึ่งในวิธีการจัดสรรทรัพยากรใหม่ให้กระจุกตัวมากขึ้น คือการให้โรงเรียนเล็ก-กลางแบ่งกันใช้ธุรการกลางร่วมกัน (ในบริบทนี้รวมถึงการใช้เจ้าหน้าที่การเงิน/พัสดุร่วมกันด้วย) ซึ่งจะช่วยให้พนักงานที่ทำงานเอกสารสามารถแบ่งงานกันทำตามความถนัดของตนเองได้ (จากเดิมที่ธุรการ 1 คนต้องทำหลายอย่าง) ทำให้ในภาพรวมแต่ละคนจะทำงานธุรการได้มากขึ้นภายใต้กรอบเวลาเท่าเดิมหรือก็คือธุรการแต่ละคนมีผลิตภาพ (productivity) เพิ่มมากขึ้น 

สำหรับวิธีนี้ สพฐ. เคยพยายามผลักดันให้โรงเรียนขนาดเล็กใช้ธุรการร่วมกันมาก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไป เนื่องจากโรงเรียนแต่ละแห่งเผชิญปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานเอกสาร เช่น การจัดทำหนังสือราชการที่ล่าช้ากว่าเดิม เพราะฝ่ายธุรการต้องเดินทางไปพบผู้อำนวยการแต่ละโรงเรียนเพื่อเซ็นเอกสารด้วยตนเอง[16]ในอดีต … Continue reading ซึ่งแต่ละโรงเรียนมองว่าควรมีธุรการเป็นของตัวเองมากกว่าเพื่อความสะดวก[17]มติชน Online. (2025, กรกฎาคม 14). ‘นฤมล’ ถก ก.ค.ศ.-สพฐ.เร่งลดภาระงานครู เผย … Continue reading

ความพยายามในการจัดสรรทรัพยากรใหม่รอบนี้แสดงให้เห็นถึงการแก้ปัญหาเป็นส่วนๆ ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องด้วยความไม่มีประสิทธิภาพส่วนอื่นๆ ในงานเอกสาร การจัดสรรทรัพยากรใหม่เพื่อลดภาระงานครูจึงจำเป็นต้องมองความไม่มีประสิทธิภาพในระบบราชการในหลายส่วนและแก้ปัญหาเหล่านี้พร้อมๆ กัน จึงจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานและลดภาระงานครูได้จริง

อีกวิธีการจัดสรรทรัพยากรใหม่คือการควบรวมโรงเรียน ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันมากขึ้น งานศึกษาของธนาคารโลกได้ให้ข้อสรุปว่า ประเทศไทยสามารถควบรวมโรงเรียนที่มีนักเรียนไม่เกิน 500 คน (ซึ่งเป็นขนาดเล็กถึงกลาง) ที่อยู่ห่างกันไม่เกิน 6 กิโลเมตรกว่า 24,000 แห่งให้เหลือประมาณ 6,900 แห่งได้[18]World Bank Group. (2023). Thailand Public Revenue and Spending Assessment. p.112 – 119. … Continue reading การลดจำนวนโรงเรียนลงย่อมช่วยลดปริมาณงานต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสอนลงได้ เมื่อจำนวนครูหรือบุคลากรที่ทำธุรการต่างๆ ในระบบมีเท่าเดิม (หรือลดลงในอัตราที่ช้ากว่าจำนวนโรงเรียนที่ลดลง) ก็จะช่วยให้ภาระงานต่อหัวลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้การจัดสรรทรัพยากรด้วยวิธีนี้ก็จำเป็นต้องแก้ปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพส่วนอื่นไปพร้อมๆ กันเหมือนข้อเสนอก่อนหน้า

นอกจากนี้ สพฐ. ควรประเมินวิธีใช้ทรัพยากรใหม่ด้วย เพราะตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024 ลักษณะการจ้างลูกจ้างของ สพฐ. ได้ถูกเปลี่ยนจากลูกจ้างชั่วคราวเป็นจ้างเหมาบริการ[19]Thai PBS. (2025, มีนาคม 18). เปิดปัญหาลูกจ้างเหมาบริการ สพฐ. เสียสิทธิสวัสดิการ | … Continue reading ส่งผลให้สวัสดิการประกันสังคมที่เคยได้รับหายไป หรือเรื่องค่าตอบแทนลูกจ้างที่ทำงานเอกสารที่ยังน้อยเกินไป คือ 9,000 บาท สำหรับพนักงานจ้างเหมาบริการ และ 15,000 บาท สำหรับผู้ปฏิบัติงานราชการ แม้กำลังจะมีการขึ้นเงินเดือนเป็น 10,300 บาท และ 18,500 บาท[20]Kruwandee. (2025, กรกฎาคม 16). ครูยิ้มออก! สพฐ.ล้างบางงานเปลืองแรง … Continue reading แต่ก็ยังคงน้อยเมื่อเทียบกับค่าจ้างที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตได้อย่างสมศักดิ์ศรี (ตามแนวทางค่าจ้างเพื่อชีวิต) ที่ประมาณ 19,500 บาท/เดือน[21]เป็นค่าจ้างเพื่อชีวิตกรณีที่ต้องเลี้ยงดูตนเอง คู่สมรส และลูก 1 คน … Continue reading ด้วยรูปแบบการจ้างงานที่ไม่มั่นคงและค่าตอบแทนที่ยังน้อยก็อาจส่งผลให้ สพฐ. จ้างคนมาทำงานธุรการได้ยาก

แค่จัดสรรทรัพยากรใหม่ยังไม่พอ รัฐต้องเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

ภาระงานครูไม่ได้มีแค่งานธุรการเท่านั้น แต่ยังมีงานนอกเหนือการสอนอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการประเมินผลงานและคุณภาพ การทำกิจกรรมและประเมินโครงการต่างๆ การแข่งขันทางวิชาการ และการอบรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้กินเวลารวมกันถึง 84 วันจาก 200 วัน หรือคิดเป็น 42% ของหนึ่งปีการศึกษา[22]คิดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 … Continue reading แม้รัฐจะจัดสรรทรัพยากรใหม่ได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่างานพวกนี้จะหายไป

ณ วันที่เผยแพร่บทความนี้ (29 กรกฎาคม 2025) สพฐ. ได้มีการประกาศศยกเลิกภาระงานครูในส่วนของการประเมินหรือทำโครงการต่างๆ รวม 52 รายการทันที ทำให้ภาระงานครูที่ต้องประเมินหรือทำโครงการต่างๆ ลดจาก 114 รายการเหลือ 62 รายการ[23]ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง … Continue reading (และอาจลดลงอีกในอนาคต) ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการลดภาระงานครูที่ต้นเหตุ แต่หากในอนาคต สพฐ. หรือหน่วยงานอื่นๆ ยังคงสร้างงานใหม่ๆ อยู่ดังเช่นที่ผ่านมา สุดท้าย ‘รายการ’ ต่างๆ ที่ครูต้องรายงานก็จะวนกลับมาเป็นภาระเช่นเดิม ดังนั้น ก่อนที่รัฐจะสร้างมาตรการประเมินแบบใหม่ๆ หรือทำโครงการต่างๆ ก็จำเป็นต้องคิดให้ถี่ถ้วนว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นหรือไม่ เพื่อไม่ให้ความพยายาม ‘คืนครูสู่ห้องเรียน’ ครั้งนี้ไม่สำเร็จเหมือนในอดีตที่ผ่านๆ มา

References

References
1 Sanook. (2025, มิถุนายน 17). อาลัย “ครูมัท” ทิ้งจดหมายลาก่อนจบชีวิตในวัย 39 ปี เครียดภาระงานการเงินในโรงเรียน. Sanook.com. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2025. https://www.sanook.com/news/9804210/
2, 22 คิดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ที่ระบุว่าในหนึ่งปีการศึกษาต้องมีการจัดการเรียนการสอนตามปกติไม่น้อยกว่า 200 วัน จึงจะครบตามที่หลักสูตรกำหนด ดูเพิ่มเติมใน ศุภณัฏฐ์ ศศิวุฒิวัฒน์. (2023). นโยบายลดภาระงานครู (บางส่วน) ไม่พอคืนครูสู่ห้องเรียน. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2025. https://policywatch.thaipbs.or.th/article/education-2
3 ศธ. 360 องศา. (2025, กรกฎาคม 14). “รมว.นฤมล” หารือ ก.ค.ศ.-สพฐ.เร่งลดภาระงานครู เผย เตรียมดึงครูเกินเกณฑ์ไปทำธุรการ แก้ปัญหา รร.ขนาดเล็ก ขาดบุคลากร โดยไม่ต้องเพิ่มงบ. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2025. https://moe360.blog/2025/07/14/teachers14072025/
4 พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 39.
5 กฎกระทรวง เรื่อง: การกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระจายอำนาจการบริหารและจัดการการศึกษา พ.ศ. 2550 (2008
6 สัมภาษณ์ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งโดยผู้เขียน
7 https://www.facebook.com/photo/?fbid=141032640607782&set=pcb.141033453941034
8 ดูเพิ่มเติมใน ศธ.0206.3/ว21 เรื่อง ภาระงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ และตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา
9, 15 ดูเพิ่มเติมใน ศธ.0206.6/ว23 เรื่องเกณฑ์อัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรการศึกษาในสถานศึกษา สังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ https://101pub.org/teacher-shortage-problem/
10 สัมภาษณ์ครูพัสดุที่ทำฝ่ายจัดซื้อโดยผู้เขียน
11 มติชน Online. (2023, ธันวาคม 6). ‘ครูชัยยศ’ ถูกปลดต้องไปขายโรตี เหตุหวังดีเซ็นซื้อข้าวให้มัธยมกินด้วย เรือจ้างรุ่นใหม่สะเทือนใจ. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2025. https://www.matichon.co.th/social/news_4318060
12 มติชน Online. (2025, กรกฎาคม 14). ‘นฤมล’ ถก ก.ค.ศ.-สพฐ. เร่งลดภาระงานครู เผย เตรียมดึงครูเกินเกณฑ์ทำธุรการ แก้ปัญหาขาดบุคลากร. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2025. https://www.matichon.co.th/local/education/news_5274656
13 ฐานเศรษฐกิจ. (2025, กรกฎาคม 16). ข่าวดี สพฐ. จ่อออกประกาศ ‘ลดภาระครู’ ไม่ต้องทำงานธุรการ-การเงิน-พัสดุ. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2025. https://www.thansettakij.com/general-news/633034
14 กรณีที่ข้าราชการครูที่ถูกเกลี่ยเป็นครูผู้ช่วยหรือครู คศ.1 ที่ยังไม่มีวิทยฐานะ การถูกเกลี่ยให้ไปทำธุรการ (โดยไม่ต้องสอน) จะส่งผลให้คนกลุ่มนี้ไม่สามารถสั่งสมประสบการณ์การสอนหรือเก็บผลงานเพื่อขอเลื่อนขั้นไปเป็นครูชำนาญการ (คศ.2) ขึ้นไปได้ เมื่อโอกาสเลื่อนวิทยฐานะลดลง โอกาสที่ค่าตอบแทนที่จะเพิ่มขึ้นจากการเลื่อนวิทยฐานะครูก็ลดลงตามไปด้วย หรือในกรณีที่จะเอาดีในสายงานใหม่ (คือบุคลากรการศึกษาอื่น) ครูเหล่านี้ก็จำเป็นต้องปรับตัวตามเกณฑ์ประเมินใหม่ตามสายงานซึ่งจำเป็นต้องสั่งสมประสบการณ์ใหม่หรือ re-skills ต่างๆ ในสายงานใหม่ตั้งแต่เริ่ม
16 ในอดีต การไม่มีธุรการประจำโรงเรียนอาจสร้างความเสี่ยงในการไม่ได้รับหนังสือจากผู้อำนวยการเขตด้วย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วธุรการประจำโรงเรียนจะเป็นผู้รับหนังสือคนแรกและแจ้งข่าวสารให้ผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อดำเนินการต่อไป แต่ด้วยวิธีการสื่อสารในปัจจุบันช่วยให้ความเสี่ยงนี้ลดลง เช่น การตั้งกลุ่มไลน์; สัมภาษณ์ครูในโรงเรียนที่เคยใช้ธุรการกลางโดยผู้เขียน
17 มติชน Online. (2025, กรกฎาคม 14). ‘นฤมล’ ถก ก.ค.ศ.-สพฐ.เร่งลดภาระงานครู เผย เตรียมดึงครูเกินเกณฑ์ทำธุรการ แก้ปัญหาขาดบุคลากร. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2025 https://www.matichon.co.th/local/education/news_5274656
18 World Bank Group. (2023). Thailand Public Revenue and Spending Assessment. p.112 – 119. https://documents1.worldbank.org/curated/en/099052523201510112/pdf/P17715703a68af0590b7290234ea94ba989.pdf ;ทั้งนี้ผู้เขียนได้ปรับตัวเลขบางส่วนใหม่ตามฐานข้อมูล ดูเพิ่มเติมใน กษิดิ์เดช คำพุช, ศุภณัฏฐ์ ศศิวุฒิวัฒน์ และวนา ภูษิตาศัย. (2023). ‘ครูกระจุก โรงเรียนกระจาย’ ปัญหาการจัดสรรครูไทยที่ต้องแก้ไขก่อนจะสายเกิน. สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2025. https://101pub.org/teacher-shortage-problem/
19 Thai PBS. (2025, มีนาคม 18). เปิดปัญหาลูกจ้างเหมาบริการ สพฐ. เสียสิทธิสวัสดิการ | ข่าวค่ำ | 18 มี.ค. 68. [Video]. YouTube. สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2025 https://www.youtube.com/watch?v=2zhqv8kAkNQ
20 Kruwandee. (2025, กรกฎาคม 16). ครูยิ้มออก! สพฐ.ล้างบางงานเปลืองแรง ดันเงินเดือนธุรการขึ้น เตรียมประกาศลดภาระงานครูไม่ต้องทำอีกต่อไป. สืบค้นเมื่อ 19 กรกฎาคม 2025. https://www.kruwandee.com/news-id55910.html
21 เป็นค่าจ้างเพื่อชีวิตกรณีที่ต้องเลี้ยงดูตนเอง คู่สมรส และลูก 1 คน โดยนำค่าจ้างเพื่อชีวิตที่เป็นรายวันมาคูณ 27 เพื่อคือค่าให้เป็นรายเดือน; ดูเพิ่มเติม https://101pub.org/minimum-wage-to-living-wage/ และดูตัวเลขค่าจ้างเพื่อชีวิตใหม่ได้ที่ https://101pub.org/the-resources-ep34-minimum-wage-to-living-wage/
23 ประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง ยกเลิกและลดภาระการรายงาน การประเมินของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา.

บทความที่เกี่ยวข้อง

‘ครูกระจุก โรงเรียนกระจาย’ ปัญหาการจัดสรรครูไทยที่ต้องแก้ไขก่อนจะสายเกิน

101 PUB ชวนสำรวจปัญหาการขาดแคลนครูในโรงเรียนประเภทต่างๆ ซึ่งส่งผลเสียคุณภาพการศึกษา โดยรัฐสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการรวมโรงเรียนและจัดสรรครูใหม่

ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์)

ศูนย์วิจัยและสื่อสารความรู้เพื่อตอบโจทย์อนาคต มุ่งวิเคราะห์ ออกแบบ เผยแพร่ความรู้ และขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านเด็ก เยาวชน ครอบครัว และการเรียนรู้ เพื่อเป็นฐานสนับสนุนทางวิชาการให้กับสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. และภาคีเครือข่าย

Copyright © 2025 kidforkids.org | All rights reserved.